ร้านเกม หรือร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ที่เด็กๆยุค2000 ต้องเคยไป!

เมื่อย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ในปลายยุค 90′ ร้านเกม คอมพิวเตอร์และร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่นั้นมีมากมายจนเกลื่อนเมือง และมีการแยกกันอย่างชัดเจนว่าร้านไหนเป็นร้านที่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อทำงาน และร้านไหนเป็นร้านที่มีเกม Multiplay ผ่านระบบ LAN ให้เล่น มันเฟื่องฟูมากจนร้านคอมผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดในทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย นอกจากนี้พอเข้าสู่ช่วงต้นของยุค 2000 ก็พบปรากฎการณ์ของเกมออนไลน์ นำทีมโดย Ragnarok Online และเกมอื่นๆ ในยุคนั้น สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เล่น และกระตุ้นให้ตลาดร้านเกมมีเม็ดเงินไหลเข้ามาอย่างมหาศาล นั่นทำให้ใครๆ ที่มีเงินทุนต่างก็เลือกที่จะเปิดร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่อยู่ร่ำไป อารมณ์คล้ายๆ กับร้านกาแฟในยุคนี้เลยก็ว่าได้ เพราะในยุคนั้นถ้าไม่รู้จะทำอะไร การเปิดร้านเกมคือเป็นอะไรที่ลงทุนแล้วคุ้มจริงๆ

ร้านเกม

พฤติกรรมวัยรุ่นในร้านเกม

  • กินนอนหน้าเครื่อง เหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง

ด้วยความที่เกมออนไลน์นั้นสามารถเล่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง แน่นอนครับว่าบรรดาร้านเน็ตคาเฟ่ก็ย่อมเปิด 24 ชั่วโมงเพื่อรองรับลูกค้าได้ตลอดเวลา ซึ่งก็จะมีเกมเมอร์อยู่หลายคนเลือกที่จะกินอยู่หน้าคอมพ์ฯ กันเลย อีกทั้งร้านเน็ตคาเฟ่ก็เล็งเห็นช่องทางตรงนี้ จึงผุดโปรโมชั่นประเภทเช่าเล่นเหมาวันขึ้นมา เป็นการตอบโจทย์คนที่อยากหมกตัวเล่นเกมออนไลน์ทั้งวันทั้งคืน 

  • เด็กเกาะเบาะหรือไลฟ์โค้ช

ก่อนที่ไลฟ์โค้ชจะกลายเป็นอาชีพโด่งดังในยุคโซเชียล เราสามารถพบเจอคนเหล่านี้ได้ตามร้านเน็ตคาเฟ่ครับ และพวกเขามักจะมีอายุไม่ค่อยเกินระดับมัธยมต้น เวลาเรานั่งเล่นอยู่ก็จะมาเกาะหลังเบาะ พูดจาชี้แนะข้าง ๆ เราดั่งพรายกระซิบ ถ้าคนไหนเป็นแนวทำงานเชิงรุกก็อาจจะเข้ามาถือวิสาสะจับเมาส์แล้วบังคับตัวละครให้เราแทนซะงั้น ใครมีความอดทนสูงหน่อยอาจจะบอกกันดี ๆ ว่านี่พี่เสียตังค์มาเล่นเองนะน้อง ถ้าน้องอยากเล่นก็ต้องจ่ายตังค์เองนะ

  • มาก่อนได้เครื่องแรงก่อน

ใครที่ออกตัวไปร้านเน็ตคาเฟ่ก่อนก็จะมีสิทธิ์ได้เลือกทำเลงามก่อน ซึ่งทำเลงามที่ว่าก็คือเครื่องคอมพ์รุ่นใหม่ของร้านที่สเปคเร็วแรงเต็มพิกัด วิธีนี้จะทำสำเร็จได้หากเป็นกรณีของร้านที่เปิดมานานระดับนึงจนมีการหมุนเวียนผ่องถ่าย PC ในร้านที่มีอายุการใช้งานนานออกไปบ้าง และนำเครื่องรุ่นใหม่เข้ามาแทนบางส่วน ใครที่ได้เล่นร้านเน็ตคาเฟ่ใกล้สถานศึกษาตอนบ่ายแก่ ๆ น่าจะเคยได้เห็นเด็กกลุ่มดังกล่าวพุ่งเข้าร้านด้วยความเร็วสูงกันมาบ้างแหละ

  • นักดื่มน้ำอัดลม / กินขนม

ไม่เน้นเล่นเกม เน้นเปิดะเพลงฟัง ดูหนัง และเดินไปซื้อน้ำ-ขนมมากินชิลๆมากกว่า เผลอๆน่าจะหมดค่าขนมมากกว่าบัตรชั่วโมงอีก

ร้านเกม

3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ร้านเกมหายไป

  1. ทุกคนมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวและโปรแกรมที่ใช้พูดคุยกันระหว่างเล่นเกม

ปัจจัยแรกที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันนั้นไม่ได้ต้องการที่จะไปเสียเงินนั่งเล่นเกมที่ร้านแล้ว ในยุคนี้พวกเขามีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวกันแทบจะทุกคน เพราะคอมพิวเตอร์กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่มีความจำเป็นต้องใช้

  1. แพลทฟอร์มที่เปลี่ยนไป

เรื่องของแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีทุกวันนี้พัฒนาไปไกลและเร็วมาก โดยเฉพาะการเติบโตของแวดวงโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่พัฒนาไปไกลมาก ขนาดว่าสมาร์ทโฟนตัวท็อปๆ บางรุ่นยังมีความแรงกว่าคอมพิวเตอร์ของใครหลายๆ คนอีกนะ อีกทั้งตลาดของเกมมือถือนั้นก็เติบโตมาควบคู่กันไป

  1. การแบกรับค่าใช้จ่าย

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่อยู่ไม่ได้ก็คือค่าใช้จ่ายนั่นเอง ในเมื่อแวดวงคนเล่นเกมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ค่ายใช้จ่ายต่างๆ ก็ยังมีราคาเท่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าที่ ค่าซ่อมบำรุงอุปกรณ์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าลิขสิทธิ์เกมที่ต้องจ่ายต่อปี ค่าจ้างพนักงาน และอื่นๆอีกมากมายที่สามารถเกิดขึ้นได้บนธุรกิจนี้ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม แต่ผลกำไรที่ได้มากลับลดน้อยลงทุกที แถมยังมีเรื่องรายละเอียดหลายๆ อย่างที่จำเป็นต้องจ่ายแบบเปลืองๆ

ติดตามเรื่องราว : 10 เกมตู้สุดมันส์ในตำนาน