Lady Gaga

สเตฟานี โจแอนน์ แอนเจลินา เจอร์มาน็อตตา (Stefani Joanne Angelina Germanotta) หรือที่รู้จักในนาม เลดีกากา (Lady Gaga) เป็นศิลปินเพลงป็อปชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลี เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1986 เริ่มแสดงดนตรีครั้งแรกกับวงร็อกในนิวยอร์ก ในปี ค.ศ. 2003 เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนศิลปะทิสช์ แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ต่อมาได้อยู่ในสังกัดอินเตอร์สโคป และต่อสัญญากับค่ายสตรีมไลน์ ในเครืออินเตอร์สโคปในปี ค.ศ. 2007 เธอเคยเขียนเพลงให้กับศิลปินร่วมสังกัด ทำให้ความสามารถด้านการร้องเพลงของเธอได้รับความสนใจจาก Akon และได้เซ็นสัญญากับ คอนไลฟ์ดิสทริบิวชัน

Lady Gaga

กว่าจะมาถึงยุคที่เลดี้กาก้า (Lady Gaga) มีสไตล์ความเก๋-เนี้ยบแบบตัวแม่และกลายเป็นนักแสดงเข้าชิงออสการ์รวมถึงนักธุรกิจเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังเช่นทุกวันนี้ 15 ปีก่อนเธอเปิดตัวต่อสาธารณะชนในฐานะนักร้องเพลงอีเล็กโทรป๊อปผู้มาพร้อมกับอัลบั้มที่ชนะรางวัลแกรมมี่สองสาขาและถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลไปอีกกว่าหกสาขา แถมเธอยังสร้างปรากฏการณ์มากมายให้กับวงการเพลงจนกลายเป็นหนึ่งป๊อปไอคอนในช่วงปลายยุค 2000 เรื่อยมาจนปัจจุบัน

The Fame อัลบั้มที่พลิกวงการเพลงป๊อป

กว่า 13 เพลงในอัลบั้ม The Fame เวอร์ชั่นแรก เลดี้ กาก้ารวบรวมผลงานที่เคยร่วมงานกับโปรดิวเซอร์หลายคนก่อนเข้าสู่สังกัด Interscope Records แนวเพลงของอัลบั้มเป็นอิเล็กโทรป๊อปและแดนซ์ป๊อปที่มีกลิ่นอายของยุค 80s โดยคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มชุดนี้เกี่ยวกับชื่อเสียงความโด่งดังที่ตัวเลดี้กาก้าหลงใหลและเชื่อว่าเธอมีอยู่ในตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น รวมถึงอยากให้คนฟังได้รู้สึกไปด้วยกัน

‘Just Dance’ ถูกปล่อยเป็นเพลงเดบิวต์แรกของเลดี้กาก้าในเดือนเมษายนปี 2008 ก่อนจะปล่อยอัลบั้มเต็มต่อมาในเดือนสิงหาคม โดยมี Colby O’Donis และ Akon ร่วมร้องเป็นเสียงพื้นหลังด้วย เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตระดับไดมอนด์ที่มียอดสตรีมมิ่งและยอดดาวน์โหลดแบบเสียเงินหลักสิบล้านครั้ง แถมขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงมากมาย นอกจากนี้ยังเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ปี 2009 ในสาขา Best Dance Recording อีกด้วย

Lady Gaga

‘Poker Face’ ซิงเกิ้ลลำดับสองในอัลบั้ม The Fame เนื้อหาของเพลงนี้เกี่ยวข้องกับเซ็กซ์ ความรักและการพนัน ด้วยความนิยมของเลดี้ กาก้าในเวลานั้นยังคงเป็นไฟที่ร้อนระอุ บวกกับท่อนฮุกที่ติดหูและจังหวะที่เข้าถึงง่ายแม้ไม่เข้าใจเนื้อเพลง ทำให้ Poker Face กลายเป็นเพลงฮิตที่รับไม้ต่อ Just Dance ได้แบบไร้ที่ติ สุดท้ายยังได้รับรางวัลแกรมมี่ในสาขา Best Dance Recording ไปในปี 2010

 

เลดี้ กาก้ากลายเป็น ‘ป๊อปไอคอน’ แห่งยุคกับซิงเกิ้ลที่สามอย่าง ‘Love Game’ ‘Eh, Eh (Nothing Else I Can Say)’ และ ‘PaParazzi’ ซึ่งแต่ละภูมิภาคจะมีซิงเกิ้ลที่สามแตกต่างกัน โดยในประเทศอเมริกาและยุโรปจะมีซิงเกิ้ลที่สามเป็น Love Game ในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์จะเป็น Eh, Eh (Nothing Else I Can Say) ส่วนประเทศสหราชอาณาจักรเป็น Paparazzi สลับกันไป จึงทำให้ช่วงปี 2009 มีทั้งสามเพลงนี้อยู่ในคลื่นวิทยุและชาร์ตเพลงแบบฟังให้เบื่อกันไปข้างนึง

Lady Gaga

ทั้งสามเพลงนี้มีสไตล์ที่แตกต่างกันชัดเจน ‘Love Game’ เป็นเพลงที่มีกลิ่นอายของสองซิงเกิ้ลแรกแต่เพิ่มจังหวะแดนซ์พร้อมกับท่าเต้นและท่อนฮุคสุดโจ่งแจ้ง “I wanna take a ride on your disco stick” ส่วน ‘Eh, Eh (Nothing Else I Can Say)’ เป็นเพลงบับเบิลกัมป๊อปที่มีความสดใสสไตล์วัยรุ่น และ ‘Paparazzi’ เพลงแดนซ์ป๊อปที่สร้างภาพจำทั้งมิวสิควิดีโอและการแสดงสดในงานประกาศรางวัล MTV Music Video Award เมื่อปี 2009

เสียงตอบรับ / คำวิจารณ์

จากคำวิจารณ์ต่อดนตรีของเธอ, อิทธิพลทางแฟชั่น และภาพลักษณ์ของเธอที่ผสมผสานกันทำให้เธอมีสถานะเป็นนางแบบ, ผู้นำแฟชั่น และแฟชั่นไอคอน ทั้งได้รับการยอมรับและถูกปฏิเสธ อัลบั้ม The Fame อัลบั้มแรกของเธอได้รับคำวิจารณ์ในทางบวกและให้ตำแหน่งเธอในฐานะที่ทำเพลงป็อบอันมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร และสิ่งจำเป็นที่จะขับเคลื่อนวัฒนธรรมใหม่ ๆ ความสนใจในตัวเธอกลายประเด็นทางสังคมที่สำคัญ ความสามารถทางศิลปะในตัวเธอ และถูกมองว่าเป็น “ผู้เพิ่มความนับถือในตัวเอง” ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่กากามีต่อแฟนเพลงที่ได้รับการยกย่อง เธอได้ทำให้อุตสาหกรรมแฟชั่นกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงเศรษฐกิจกำลังซบเซา

Lady Gaga

 การแสดงสดของเธอได้รับการชื่นชมว่า “เป็นความสนุกสนานและแปลกใหม่ที่สุด” โดยอ้างถึงการแสดงในงานแจกรางวัลเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก 2009 ในเพลง Paparazzi เธอสวมเสื้อซึ่งระเบิดออกมาเป็นเลือด ได้รับคำวิจารณ์จากเอ็มทีวีว่า “ชวนให้ผู้ชมตาค้าง” และยังใช้ธีม “โชกเลือด” นี้ ในทัวร์คอนเสิร์ต เดอะ เฟม มอนสเตอร์ บอล ด้วย ในฉากหนึ่งของการแสดงที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ กากาสวมชุดรัดรูปสีดำและจู่ ๆ ก็ถูกทำร้ายจากชายลึกลับที่เพิ่งกระโดดขึ้นเวที (ที่จริงแล้วเป็นแดนเซอร์ของเธอเอง) ใช้มีดปาดคอเธอ ทำให้ “เลือดปลอม” ไหลท่วมตัวเธอ สร้างความตกใจให้กับผู้ชมโดยไม่รู้ว่านี้คือการแสดง ครอบครัวและแฟนเพลงที่เข้าชมการแสดงในรอบนี้รู้สึกไม่พอใจต่อการแสดงนี้ ที่ยังรู้สึกสะเทือนใจต่อเหตุการณ์คนขับแท็กซี่ใช้อาวุธปืนยิงชาวเมืองคัมเบรียถึง 12 คน

ติดตามต่อ : Beyoncé